หลวงปู่อิน เขมเทโว

หลวงปู่อิน  เขมเทโว วัดหนองเม็ก จ.สุรินทร์

  ขึ้นชื่อว่า “ศาสตร์วิชามหาเสน่ห์” นั้นยังมีหลายท่านที่ยังไม่ค่อยเชื่อว่าจะมีจริงหรือ..!!!
บางท่านก็ยัง..ห้าสิบ..ห้าสิบ..เพราะยังไม่ได้สัมผัสชนิดที่ว่าของจริง...ของแท้..แท้..
แต่อีกหลายท่าน ซึ่งก็เป็นจำนวนไม่น้อยเลยที่เชื่อว่า “ศาสตร์วิชามหาเสน่ห์” นั้นมีจริง และเมื่อทำแล้ว..บูชาแล้วได้ผลจริง  เพราะท่านเหล่านั้นล้วนได้สัมผัสด้วยตนเองมาแล้ว และเกิดประสบการณ์และความสำเร็จเมื่อได้ทำพิธีเสริมในเรื่องมหาเสน่ห์และบูชาวัตถุมงคลเครื่องรางในด้านมหาเสน่ห์ด้วยตนเองมาแล้ว
ความอยากที่จะใคร่รู้และอยากที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองว่าวิชาในด้านมหาเสน่ห์นั้นมีจริงดังคำล่ำลือหรือไม่นั้น ทำให้หลวงปู่อินเมื่อสมัยหนุ่มๆนั้นท่านอยากที่จะเรียนรู้อยากที่จะศึกษาในวิชามหาเสน่ห์แบบให้รู้กันไปเลยว่ามีจริง แรงจริงแค่ไหน
โดยหลวงปู่อินท่านบอกว่า “เมื่อสมัยก่อนนั้นอยากให้มีผู้หญิงมารัก มาหลงเราแต่บ้านเราจน เลยไม่มีสาวที่ไหนมาสนใจ ก็มีทางเดียวคือเรื่องการทำมหาเสน่ห์ แต่พอไปให้หมอเสน่ห์ในหมู่บ้านทำให้ก็ไม่เห็นผล จึงเริ่มจะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี ก็เลยตัดสินใจเรียนรู้ด้วยตัวเองเลยดีกว่า ก็พอดีโยมพ่อโยมแม่ให้บวชก็บวช พอบวชได้พรรษากว่าๆความคิดในเรื่องที่อยากจะเรียนรู้ในวิชามหาเสน่ห์ก็กลับมาอีก ก็เลยขอโยมพ่อโยมแม่ไปเรียนที่บ้านกำปงจามในเขมร ซึ่งโยมพ่อเขามีญาติอยู่ที่นั่น ก็เลยได้ไปเรียนวิชาสายเขมรตำรับกำปงจามเป็นครั้งแรก เริ่มเรียนตั้งแต่คาถาธรรมดาไปจนถึงชนิดที่เรียกว่าสั่งคนให้มารักเราได้เลย และเรียนเรื่องการทำน้ำมันพราย และน้ำมันไพร การทำเสน่ห์ยาแฝด ซึ่งตอนนั้นอาตมายังเป็นพระหนุ่มอยู่เมื่อเรียนแล้วก็อยากลอง ก็เลยลองวิชากับสาวหมู่บ้านใกล้กันนั่นแหละ ก็ได้ผลเขามาหาเราที่วัดทุกวันเลย จนท่านพระอาจารย์ท่านรู้ก็เลยโดนดุและต้องทำถอนให้เขา  นั่นแหละยิ่งทำให้ได้รู้ว่าวิชาในเรื่องมหาเสน่ห์จริงๆนั้นมี ก็เลยตั้งอกตั้งใจเรียนวิชามหาเสน่ห์ทุกอย่างใน สายเขมรกำปงจามเลยทีนี้ ทั้งนำน้ำมัน หุงน้ำมันไพรมหาเสน่ห์เคี่ยวสีผึ้ง การทำหุ่นรักลงเสน่ห์ การนำผงเสน่ห์ยาแฝด และเชียนกระทั่งวิชาถอนของมหาเสน่ห์ไสย์ดำ เรียนอยู่ที่กำปงจามนี้ เจ็ด..แปดปี เรียกว่าได้ในวิชามหาเสน่ห์ทั้งหมดในสายเขมรกำปงจามเลยทีเดียว”
หลวงปู่อินท่านเล่าต่ออีกว่า “หลังจากนั้นก็อยากที่จะเรียนอยากที่จะรู้ในเรื่องมหาเสน่ห์อีก ก็ไปเรียนกับอาจารย์ฆราวาสในวิชากระเหรี่ยงซึ่งก็เป็นวิชามหาเสน่ห์ โดยวิชาอย่างอื่นไม่สนใจเลยเอาแต่ด้านมหาเสน่ห์อย่างเดียวเลย และก็เดินธุดงค์ไป เรียนวิชาพญาหงส์ร่อนมอญแปลงในแถบพม่าอีกห้า..หกปีก็ได้วิชาในเรื่องมหาเสน่ห์มาอีกเยอะ”
สำหรับวิชาในด้านมหาเสน่ห์ที่หลวงปู่อินท่านได้เรียน ได้ศึกษาอย่างช่ำชองเชี่ยวชาญนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นวิชาแบบหัวกระทิทั้งนั้นเลยก็ว่าได้และในยุคปัจจุบันจะหาผู้ที่รู้จริงในเรื่องของวิชามหาเสน่ห์แบบครบเครื่องอย่างหลวงปู่อินนั้นคงยากเต็มที
หลวงปู่อิน เขมเทโว  นามเดิมท่านชื่อนายขาอิน ทองมาก  โยมบิดาชื่อนายอัน  บุญมาก  โยมมารดาชื่อจาลี  บุญมาก  เกิดที่บ้านหมากมี่ ต.ท่าตูม  อ.ท่าตูม  จ.สุรินทร์  โดยหลวงปู่ท่านเริ่มเรียนวิชาด้านมหาเสน่ห์กับโยมปู่ซึ่งเป็นหมอมหาเสน่ห์ชาวเมรที่อยู่จังหวัดอุดรมีชัย ซึ่งเป็นหมอเสน่ห์ที่ขึ้นชื่อที่สุดในสมัยนั้นยุคนั้นเลยทีเดียว  ปัจจุปันหลวงปู่อินท่านเป็นยอดพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่ได้ใช้ชีวิตสมณเพศอันบริสุทธิ์ จาริกแสวงหาความสงบไปตามป่า ตามเทือกเขา เพื่อปฏิบัติธรรมบำเพ็ญกรรมฐานให้จิตตั้งมั่นอยู่ในความสงบ เป็นสมาธิมั่นคง
หลวงปู่อิน ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ที่ท่านพบขณะกำลังบำเพ็ญอยู่ในป่า และทั่งที่พบขณะเมื่อท่านจาริกไปในประเทศเขมร และพม่า
โดยเฉพาะในเขมรนั้นหลวงปู่อินท่านบอกว่าท่านนั้นตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะเข้าไปศึกษาวิชาในด้านมหาเสน่ห์โดยเฉพาะ ทั้งนี้ก็เพราะวิชามหาเสน่ห์ ตำรับวิชาเขมรนั้น ถือว่าแรงที่สุด โดยเฉพาะวิชาในสาย “กัมปงชนัว” ซึ่งเป็นสุดยอดวิชาที่มากด้วยพลังอานุภาพที่ช่วยให้ผู้คนประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก เสริมเมตตามหาเสน่ห์ให้แก่ผู้คนจนทำให้เป็นที่รักใคร่แก่บุคคลรอบข้าง
วิชาแห่งเมตตามหาเสน่ห์ที่เป็นศาสตร์ลี้ลับมาแต่โบราณของเขมรในศาสตร์ของ “กัมปงชนัว”นี้ ผู้ที่รู้ในศาสตร์วิชานี้ในประเทศไทยนั้นหาไม่ได้เลย นอกจากหลวงปู่อินเพียงองค์เดียวเท่านั้น เพราะผู้ที่เรียนในสาย “กัมปงชนัว” นี้ได้จะต้องมีสายเลือดเขมรเท่านั้น  ซึ่งหลวงปู่อินท่านบอกว่า ท่านนั้นรู้ถึงอานุภาพของศาสตร์วิชาในสายกัมปงชนัวนี้มาเป็นเวลานานแล้ว จึงอยากที่จะศึกษาเป็นอย่างมาก  ซึ่งก็นับว่าดวงยังดีที่ท่านสามารถพูดและรู้ภาษาเขมรเป็นอย่างดี เพราะเป็นภาษาบ้านเกิดอยู่แล้ว จึงมีโอกาสที่จะได้ศึกษาจนกระทั่งเดินธุดงค์มากราบฝากตัวเป็นศิษย์  พระอาจารย์ปาชังสะบือ เพื่อขอเรียนวิชามหาเสน่ห์กับท่านโดยตรง ซึ่งหลวงปู่ท่านบอกว่าการได้เรียนในสายวิชา “กัมปงชนัว” นี้จะเรียนมนต์มหาเสน่ห์ล้วนๆ ตลอดจนวิชาเสกไพรวิชาลงของมหาเสน่ห์ วิชาทำน้ำมันพรายจากไพร และที่สำคัญที่ต้องเป็นก็คือ การปฏิบัติสมาธิบัติเข้าสู่ธาตุน้ำใช้วิชากสิณน้ำ
การปฏิบัติอย่างหนักเพื่ออย่างหนักเพื่อให้จิตมีสมาธิอันเข้มแข็งและมั่นคง ต้องพานพบกับความลำบากนานาประการแทบเอาชีวิตไม่รอด แม้กระทั่งบางครั้งที่หลวงปู่อินท่านต้องนอนนิ่งทั้งวันทั้งคืน เพื่อเอากำลังของจิตเข้าต่อสู้กับความเจ็บป่วยอย่างหนักของร่างกาย จนกระทั่งจิตของท่านสามารถบรรลุความอดทนย่างหนักแน่นไม่หวั่นไหวคลอนแคลนใดๆทั้งสิ้น จนมีสมาธิเป็นหนึ่ง
ด้วยสมาธิจิตเป็นหนึ่งของท่านนี้เองทำให้หลวงปู่อินได้พบเห็นความมหัศจรรย์ต่างๆนานา ในภพภูมิอันเร้นลับมากมาย
ความเป็นหนึ่งของสมาธิจิตของหลวงปู่อินนี้ จึงทำให้พิธีลงน้ำมันพรายล่องหนและพิธีลงทองเพชรพญาธรที่หลวงปู่ท่านลงให้แก่ญาติโยมและลูกศิษย์ทั้งหลายนั้นมีผลในทางมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยมได้อย่างรวดเร็ว
ทุกคนที่ได้ให้หลวงปู่อินท่านทำพิธีลงน้ำมันพรายล่องหนให้นั้นต่างรู้สึกเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อตอนที่หลวงปู่ท่านกดลงน้ำมันให้ที่กลางหลังนั้น จะรู้สึกถึงพลังที่เย็นวูบทำเอาสั่นไปทั้งตัว และเมื่อหลวงปู่ท่านใช้มือตบลงบนแผ่นหลัง ยิ่งรู้สึกได้เลยว่าเย็นวูบไปทั้งตัว ทุกคนที่ได้สัมผัสนั้นต่างบอกว่า “นี่สิของจริง”
มีไม่มากนักหรอกครับพระเกจิอาจารย์ที่มีภาวจิตสูงเยี่ยมยอดระดับนี้ และมีวิชาอาคมแก่กล้าขลังเฉพาะตัวอย่างนี้ ไม่แน่จริงไปอยู่ตามเขาโปรดชาวบ้านป่าในเขมรไม่ได้หรอกครับ
เขมรเป็นต้นตำรับวิชาไสยศาสตร์ ทั้งมนต์ดำ มนต์ดีไสยดำ ไสยขาว โดยเฉพาะวิชาทางด้านเมตตามหาเสน่ห์ที่ถือว่า “ยอดเยี่ยมที่สุด”
โดยเฉพาะวิชาที่ทำให้คนรักคนหลงนั้น ต้องถือว่าไม่มีใครแรงเกินวิชาตำรับเขมรได้เลย
“มนต์เสน่ห์ เสริมชะตาราศี ทำให้มีแต่คนรัก คนหลง”
วิชาอาคมขลังในด้านเมตตามหาเสน่ห์ ที่หลวงปู่อิน ท่านใช้สงเคราะห์ให้แก่ญาติโยม นั้น หลวงปู่ท่านบอกว่า จะลงให้เฉพาะในด้านไสยขาว คือ เมื่อลงไปแล้วไม่มีพิษ มีภัยใดๆลงไปแล้วมีแต่ส่ง แต่เสริมในสิ่งดีๆด้านเมตตา มหาเสน่ห์ทำให้เป็นที่รักแก่เพศตรงข้ามเป็นที่รักใคร่แก่บุคคลรอบข้างทุกผู้ทุกคน จะทำอะไรก็มีแต่คนรักใคร่คอยสนับสนุนช่วยเหลือ โดยเฉพาะวิชาการลงน้ำมันพรายล่องหนของหลวงปู่อินท่านนั้น นับเป็นสุดยอดวิชาแห่งมหาเสน่ห์ที่เลื่องลือเป็นอย่างมากเพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้น ทุกคนที่ได้ลงไปต่างบอกว่า “เห็นผลอย่างที่ตั้งใจจริงๆ”
  ขึ้นชื่อว่า “ของดีทางด้านมหาเสน่ห์” และ “พิธีกรรมทางด้านมหาเสน่ห์นั้นเท่าที่ผู้เขียนได้สัมผัสมานั้น และผู้เขียนตลอดจนลูกศิษย์ลูกหาทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้นเป็นที่ยอมรับว่าแจ๋วที่สุด นั้นมีอยู่ 4 องค์ด้วยกัน องค์แรกที่จัดว่าแรงเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทย และไม่มีใครไม่รู้จัก ก็คือ หลวงปู่ชื่น วัดตาอี องค์ที่สองชนิดที่เรียกว่าตอนนี้ครองความเป็นอันดับหนึ่ง ในเรื่องมหาเสน่ห์เพียงองค์เดียวเลยก็คือ หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก ส่วนองค์ที่ 3 ก็คือก็คงก็คงก็ยกให้เจ้าตำรับวิชาเสน่ห์จันทน์ที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดก็ต้องเป็น หลวงพ่อโกย แห่งวัดป่าแดง ส่วนองค์สุดท้ายที่ผู้เขียนเองและลูกศิษย์หลายคนที่ได้ใช้ของดีของที ลงน้ำมันกับท่านก็ต่างรู้ในพลังอานภาพ แต่กว่าผู้เขียนจะกราบขออนุญาตให้เปิดตัวนำประวัติมาเผยแพร่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนั่นก็คือหลวงพ่อปั้น เจ้าตำรับวิชากระเหรี่ยงคอม้านี่แหละครับ 4 องค์ที่นับว่าเป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีความชำนาญทางด้านมหาเสน่ห์เป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบันนี้จะเหลืออยู่แค่ 3 องค์เท่านั้น คือหลวงปู่ชื่น วัดตาอี นั้นท่านมรณภาพไปแล้ว
เรื่องอาคมมหาเสน่ห์ถ้าจะพูดถึงในยุคปัจจุบันนั้นก็คงจะไม่มีใครเก่งเกินหลวงปู่อินเป็นแน่แท้ เพราะของดีวัตถุมงคลในแต่ละรุ่นนั้น นับเป็นของดีที่แรงในด้านมหาเสน่ห์ตำหรับกำปงจาม แบบเขมรแท้..แท้
“เปรี๊ยนเนียรี”
หัวว่านและดอกว่านที่มีอานุภาพทางด้านมหาเสน่ห์ที่ท่านใดมีความรู้ในด้านวิชามหาเสน่ห์ และผู้ที่เล่นว่าน ชอบว่านทางด้านมหาเสน่ห์นั้นจะเป็นที่รู้ดีว่าต้นว่าน“เปรี๊ยนเนียรี” นี้เป็นว่านมหาเสน่ห์ที่มีอานุภาพแรงเทียบกับน้ำมันพรายเลยทีเดียว ในตำหรับวิชา “กำปงจาม” ตำรับเขมรนี้หลวงปู่อินท่านบอกว่าในตำราและวิชาไพรที่ได้เรียนรู้มานี้ การจะสร้างหรือทำสิ่งใดที่เกี่ยวกับมหาเสน่ห์ถ้าจะให้แรงขึ้นนั้น ต้องใช้หัวว่าน “เปรี๊ยนเนียรี” และน้ำมันพรายล่องหนที่ทำพิธีลนจากดอกของต้นเปรี๊ยนเนียรี ซึ่งปกติหลวงปู่อินท่านจะไม่ยอมเปิดเผยถึงต้นว่านอันสำคัญแก่ผู้ใดง่ายๆ แต่เมื่อผู้เขียนได้สอบถามชาวบ้านที่อยู่เชิงเขามันเทียนเมียนเจย  โดยลุงผู้หนึ่งได้กล่าวว่า ว่านมหาเสน่ห์สำคัญที่จะคอยหาให้หลวงปู่อินท่านก็คือ ต้นว่านเปรี๊ยนเนียรี ซึ่งต้นว่านเปรี๊ยนเนียรีนี้จะขึ้นอยู่ตามซอกหินในถ้ำที่มีความเย็นและความชื้นสูง และจะขึ้นอยู่ตามหินงอกหินย้อยบนเพดานถ้ำเท่านั้น
และเมื่อสอบถามลุงเนียนแกก็เล่าต่อว่า การจะทำพิธีเอาว่านนั้นหลวงปู่อินท่านจะเป็นผู้ทำพิธีเองทั้งหมด ซึ่งว่านเปรี๊ยนเนียรีจะหายากมากและจะใช้เฉพาะต้นที่มีดอกเท่านั้น โดยต้นว่านเปรี๊ยนเนียรีนี้จะมีดอกเฉพาะในเดือนธันวาคมถึงมกราคมเท่านั้น และเมื่อเจอต้นว่านที่มีดอกแล้วก็จะมาบอกหลวงปู่ แล้วหลวงปู่ท่านก็จะไปดูต้นว่านเปรี๊ยนเนียรีนี้ว่าใช่ได้หรือไม่ เมื่อพอดูว่าใช้ได้ หลวงปู่ท่านก็จะใช้เทียนที่หลวงปู่ท่านทำพิธีพิเศษและลงอาคมแล้วนั้น หลวงปู่ก็จะเริ่มจุดเทียนและลนที่ดอกของต้นว่านเปรี๊ยนเนียรี เมื่อเริ่มลนเทียนไปที่ดอกเรื่อยๆน้ำมันของดอกเปรี๊ยนเนียรีก็จะเริ่มไหลออกมา ซึ่งแต่ละต้นก็จะมีดอกอยู่ประมาณ 10 กว่าดอก เมื่อหลวงปู่ท่านทำพิธีจนครบหมดทุกดอกแล้ว หลวงปู่ท่านก็จะได้น้ำมันพราย ที่หลวงปู่ท่านเรียกว่า น้ำมันพรายล่องหน ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคม ชาวบ้านก็จะออกไปดูตามถ้ำต่างๆว่ามีต้นเปรี๊ยนเนียรีที่มีดอกนี้อยู่ที่ถ้ำไหนบ้างแล้วก็จะไปบอกหลวงปู่แล้วหลังจากที่ทำพิธีลนน้ำมันเสร็จแล้ว หลวงปู่ท่านก็จะดึงต้นเปรี๊ยนเนียรีนี้ออกมาจากซอกหิน แล้วก็จะได้หัวว่านเปรี๊ยนเนียรี แล้วหลวงปู่ท่านก็จะนำหัวว่านมาตากให้แห้ง แล้วจึงนำมาตำเป็นผงละเอียดและนำมาผสมกับน้ำมันพรายล่องหนที่ได้จากดอกของต้นเปรี๊ยนเนียรี แล้วจึงนำไปตากให้แห้งอีกครั้งและนำกลับเอามาตำใหม่จนละเอียด ซึ่งผงที่ได้ในแต่ละครั้งก็จะมีอานุภาพที่แรงมากในด้านของมหาเสน่ห์ ชนิดที่เรียกว่าแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่เลยทีเดียว ส่วนต้น ใบและรากของต้นเปรี๊ยนเนียรี หลวงปู่ท่านก็จะนำไปผสมกับว่านไพรมหาเสน่ห์อื่นๆ ทำพิธีเดี่ยวเป็นน้ำมันไพรล่องหนแล้วหลวงปู่ท่านก็จะน้ำน้ำมันพรายล่องหน และน้ำมันไพรล่องหนที่ได้จากการปลุกเสกเดี่ยวมาผสมกัน จึงทำให้น้ำมันพรายล่องหนที่ทำพิธีเดี่ยวนั้นมีพลังอำนาจที่แรงในเรื่องของมหาเสน่ห์และเมตตามหานิยมโดยตรง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย วัดสุทธาวาสวิปัสนา

หลวงพ่อประมุข วัดจงโก

หลวงปู่สี อนุตฺตโร วัดบ้านคำข่าสามัญเทพวนาราม